รู้จักกลุ่มอาการนิ้วมือชาจากการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก (Cubital Tunnel Syndrome) - ข่าววันนี้

Post Top Ad

Share This

รู้จักกลุ่มอาการนิ้วมือชาจากการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก (Cubital Tunnel Syndrome)

Share This






โดย… นพ.สุนทร ศรีสุวรรณ์ อาจารย์แพทย์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


กลุ่มอาการชาชนิดหนึ่ง โดยมีอาการชาตรงบริเวณท้องแขน ต่อเนื่องมาถึงนิ้วนาง และนิ้วก้อย ซึ่งทางการแพทย์ เรียกว่า กลุ่มอาการ เส้นประสาทอัลน่าถูกกดทับ (Cubital Tunnel Syndrome)

เส้นประสาทอัลน่าคืออะไร

เส้นประสาทอัลน่า (Ulnar nerve) เป็นเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบางส่วนในมือและแขน รวมถึงรับความรู้สึกจากนิ้วนางและนิ้วก้อย เมื่อเส้นประสาทนี้ถูกกดทับบริเวณข้อศอก จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Cubital Tunnel Syndrome หรือ ภาวะเส้นประสาทอัลน่าถูกกดทับ ส่งผลให้เกิดอาการชา ปวด หรืออ่อนแรงบริเวณท้องแขน นิ้วนาง และนิ้วก้อย

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

ภาวะนี้เกิดจากแรงกดหรือแรงยืดที่ส่งผลต่อเส้นประสาทอัลน่าที่พาดผ่านข้อศอก บริเวณที่เรียกว่า “cubital tunnel” (อุโมงค์ข้อศอก) โดยสาเหตุหลัก ได้แก่

• การงอข้อศอกเป็นเวลานาน เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือ การพิมพ์งาน หรือการขับรถ
• พฤติกรรมที่ทำให้ข้อศอกถูกกดทับ เช่น วางข้อศอกบนโต๊ะเป็นเวลานาน หรือวางแขนบนที่พักแขนของเก้าอี้
• การบาดเจ็บที่ข้อศอก เช่น กระแทกแรง ๆ หรือกระดูกข้อศอกหักมาก่อน
• ข้อศอกผิดรูป เช่น ข้อศอกโก่ง หรือเป็นโรคข้ออักเสบ
• กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นหนาตัวขึ้น ทำให้เกิดการบีบรัดเส้นประสาท

กลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะนี้

• ผู้ที่ต้องใช้แขนและข้อศอกบ่อย ๆ เช่น นักกีฬา คนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
• ผู้ที่มีโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
• ผู้ที่มีอาการเส้นประสาทถูกกดทับในจุดอื่น เช่น กลุ่มอาการเส้นประสาทกดทับที่ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)



อาการของ Cubital Tunnel Syndrome

อาการของโรคนี้อาจเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และรุนแรงขึ้นเมื่อไม่ได้รับการรักษา โดยทั่วไปจะมีอาการดังต่อไปนี้

• ชาและรู้สึกเสียวซ่า ที่นิ้วก้อยและนิ้วนาง
• อาการปวดบริเวณข้อศอก อาจลามไปถึงแขนและมือ
• อ่อนแรงในมือ ทำให้จับสิ่งของไม่ถนัด
• กล้ามเนื้อฝ่ามือลีบ หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้มือเสียรูปและใช้งานไม่ได้ตามปกติ

การวินิจฉัยโรค

แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและซักถามประวัติอาการ โดยวิธีวินิจฉัยที่ใช้ ได้แก่

• การตรวจร่างกาย เช่น กดที่บริเวณข้อศอกเพื่อตรวจว่ามีอาการปวดร้าวลงแขนหรือไม่
• การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) เพื่อวัดการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ
• การตรวจเอกซเรย์ (X-ray) ในกรณีที่สงสัยว่ามีกระดูกผิดรูปหรือมีแรงกดจากกระดูก
• การตรวจ MRI เพื่อประเมินตำแหน่งกดทับของเส้นประสาท และวางแผนการผ่าตัด

การรักษา

การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ แบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ได้แก่ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง)

• ปรับพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงการงอข้อศอกเป็นเวลานาน
• ใส่อุปกรณ์พยุงข้อศอก เพื่อลดแรงกดบนเส้นประสาท
• ทำกายภาพบำบัด โดยออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
• ใช้ยาแก้ปวด เช่น ยากลุ่ม NSAIDs (ไอบูโพรเฟน) เพื่อลดอาการอักเสบเป็นครั้งคราว



การรักษาโดยการผ่าตัด (สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง)

หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากรักษาด้วยวิธีทั่วไป แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อบรรเทาแรงกดทับที่เส้นประสาท ซึ่งเรียกว่า การผ่าตัด Cubital Tunnel Release

รูปแบบการผ่าตัด จะทำการผ่าตัด 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. การเปิดช่องเส้นประสาท (Cubital Tunnel Release)
• แพทย์จะทำการขยายช่องทางเดินของเส้นประสาทเพื่อลดแรงกด

2. การย้ายตำแหน่งเส้นประสาท (Ulnar Nerve Transposition)
• ย้ายเส้นประสาทไปยังตำแหน่งที่มีแรงกดน้อยกว่า

3. การตัดและจัดกระดูกข้อศอกใหม่ (Medial Epicondylectomy)
• ตัดส่วนหนึ่งของกระดูกข้อศอกเพื่อป้องกันการกดทับ

การฟื้นฟูหลังผ่าตัด

หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตัวดังนี้

ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก

• ใส่เฝือกหรืออุปกรณ์พยุงข้อศอกเพื่อลดการเคลื่อนไหว
• ประคบเย็นลดอาการบวม
• ทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง

หลังจาก 2 สัปดาห์ขึ้นไป

• เริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของแขน
• หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือขยับข้อศอกอย่างรุนแรง
• อาการชาและอ่อนแรงอาจดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน
• รับประทาน วิตามิน เพื่อช่วยฟื้นฟูเส้นประสาทที่ถูกกดทับ หรือจนกว่า อาการจะดีขึ้น

สรุป

Cubital Tunnel Syndrome เป็นภาวะที่เส้นประสาทอัลน่าถูกกดทับบริเวณข้อศอก ส่งผลให้เกิดอาการชา ปวด และอ่อนแรง หากมีอาการไม่มาก อาจรักษาโดยปรับพฤติกรรมและทำกายภาพบำบัด 

แต่หากอาการรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด การฟื้นตัวหลังผ่าตัดใช้เวลาหลายเดือน ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้กลับมาใช้งานแขนและมือได้ตามปกติ

......................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pages