ไฟใต้ไม่เคยดับ! 21 ปี "ตากใบ" จากโศกนาฏกรรมสู่การเมืองเรื่องสันติภาพที่ยังไม่จบ - ข่าววันนี้

Post Top Ad

Share This

ไฟใต้ไม่เคยดับ! 21 ปี "ตากใบ" จากโศกนาฏกรรมสู่การเมืองเรื่องสันติภาพที่ยังไม่จบ

Share This





บทความ โดย.. ไชยยงค์ มณีพิลึก


25 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาครบรอบ 21 ปี “เหตุการณ์โศกนาฏกรรมตากใบ” ที่เริ่มจากแผนของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ให้ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน(ชรบ.) จำนวนหนึ่งนำปืนลูกซองยาวของราชการไปมอบให้แก่ “แนวร่วม” เพื่อให้ตำรวจ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส จับกุม ชรบ.ทั้งชุดไปสอบสวน

จากนั้น “ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อ” บีอาร์เอ็นได้ปลุกระดมมวลชนนับพันไปปิดล้อม สภ.ตากใบ กดดันให้ตำรวจปล่อยตัว มีทั้งมวลชนจัดตั้งและประชาชนที่ “ถูกหลอกให้ไปดูนกยักษ์” พลบค่ำก็ให้มวลชนจัดตั้งปะทะเจ้าหน้าที่เพื่อให้มีการบาดเจ็บล้มตาย แล้วป่าวประกาศว่า “เจ้าหน้าที่ฆ่าประชาชน

ที่สำคัญวันนั้น 25 ตุลาคม 2547 อยู่ในช่วง “รอมฎอน” ที่พี่น้องมุสิลมถือศีลอดข้าวอดน้ำตลอดกลางวัน กอปรกับ “อุสตาส” หรือครูสอนศาสนา คนของบีอาร์เอ็นได้บ่มเพาะไว้ก่อนแล้วว่า “มุสิลมที่ทำลายล้างศัตรูช่วงถือศีลอดจะได้บุญ 10 เท่า” นั่นจึงทำให้สถานการณ์ยิ่งรุนแรงและย่ำแย่

แม้ “ผู้บัญชาการเหตุการณ์” สั่งให้ใช้วิธีจากเบาไปหาหนัก แต่ก็ไม่ทำให้ผู้ชุมนุมล่าถอย แถมมีมวลชนถูกเติมเข้าไปเรื่อยๆ ตลอดวัน สุดท้ายจึงสั่งสลายการชุมนุมให้ได้ก่อนพลบค่ำ ทำให้มี “คนตาย” ที่ สภ.ตากใบและระหว่างถูกคุมตัวใส่รถยีเอ็มซีไปส่งที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กว่า 100 กิโลเมตร

ผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตบริเวณ สภ.ตากใบมีไม่เท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมที่ถูกขนทับถมไปในรถบรรทุกทหารถึงที่หมายยามวิกาลพบว่า มีเสียชีวิตถึง “กว่า 80 ศพ” และยังมีที่ต้องบาดเจ็บและพิการในเวลาต่อมาอีกจำนวนหนึ่ง สาเหตุหลักเป็นเพราะ “ขาดอากาศหายใจ” แถมยังมาจากความอ่อนล้าจากการถือศีลอดด้วย

แม้ภายหลังรัฐบาลได้ตั้ง “องค์กรอิสระ” เพื่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็ยุติลงด้วยการใช้ “ยุติธรรมสมานฉันท์” ให้เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 7.5 ล้านบาท ส่วนบาดเจ็บและผู้พิการได้ลดหลั่นลงไป โดยต้องไม่ฟ้องร้องคดีอีก แต่ก็มีบางครอบครัวที่รับเงินเยียวยาไปแล้ว แต่กลับยังฟ้องร้องคดีอาญาตามมา

อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้ผู้คนต่างเข้าใจว่า “คดีตากใบ” ได้ยุติไปแล้ว เพียงแต่ทุกวันที่ 25 ตุลาคมของทุกปี ฝ่ายบีอาร์เอ็นยังพยายามให้ “ภาคประชาสังคม” อยู่ใต้ปีกการเมืองในพื้นที่หยิบเอาเหตุการณ์โศกนาฏกรรมตากใบมาตอกย้ำเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัว “ผู้รับผิดชอบสลายการชุมนุม” มาลงโทษทางอาญา

เมื่อปีที่แล้วช่วงก่อนครบ 20 ปีที่คดีตากใบจะหมดอายุความ ก็มี “กลุ่มทนายความ” อ้างว่ารับมอบอำนาจจากครอบครัวผู้สูญเสียให้นำคดีดังกล่าวยื่นฟ้องศาลจังหวัดนราธิวาส ให้เอาผิดทางอาญาเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการสลายการชุมนุมและควบคุมขนส่งผู้ชุมนุมจนเสียชีวิตและพิการ

แต่คดีนี้ก็จบลงที่ “ผู้ถูกศาลออกหมายจับ” ไม่ไปรายงานตัว และเจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถติดตามตัวมาส่งให้ศาลจังหวัดนราธิวาสได้ตามเวลากำหนด ซึ่งในทางกฎหมายจึงต้องถือว่าทุกคนที่ถูกออกหมายจับพ้นจากความผิดทั้งหมดทั้งปวงไปแล้ว

ทว่าแม้จะล่วงเลยถึงปีที่ 21 เหตุการณ์ตากใบก็ยังยากยุติลงได้ ช่วงก่อนถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ยังมีบางนักการเมืองและบางพรรคการเมืองฝ่ายค้าน กับภาคประชาสังคมใต้ปีกการเมืองบีอาร์เอ็นได้ยื่นเรื่องรัฐบาลให้ “รื้อฟื้นคดีตากใบ” และให้ยอมรับว่าเป็น “โศกนาฏกรรมที่รัฐเป็นผู้ก่อ

ทั้งนี้ ด้วยต้องการให้มีการแสดงออกถึงการที่รัฐบาลขออภัยอย่างเป็นทางการ สำหรับในส่วนของการรื้อฟื้นคดีก็คือ ให้มีการนำคดีตากใบไปดำเนินการตามกลไกของกฎหมายต่างประเทศ หรือผลักดันขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) นั่นเอง

เมื่อคดีตากใบยังถูกใช้เป็นเงื่อนไขกระพือไฟใต้ให้ลุกโชนอย่างไม่มีจุดจบ การออกมาเรียกร้องสันติภาพและให้ชายแดนใต้คืนสู่สันติสุขคงเกิดขึ้นไม่ได้ แม้แต่เวทีพูดคุยสันติสุขก็ไม่สามารถทำให้คลี่คลาย เพราะรัฐบาล รวมถึงกองทัพคงไม่มีวันรับข้อเรียกร้องดังกล่าว

มีอีกเงื่อนไขกระพือไฟใต้คือ จากการตรวจค้นและบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆ พบว่า บีอาร์เอ็นมีการบ่มเพาะและปลุกระดมเยาวชนชาย-หญิงหรือ “เปอร์มูดอ” และ “เปอร์มูดี” ในพื้นที่ให้ปฏิเสธการเป็นคนไทย และเรียกร้อง “เอกราชปัตตานี” อย่างต่อเนื่อง โดยมีการขยายพื้นที่จัดตั้งอย่างเข้มแข็งด้วย

การตรวจค้นสถาบันปอเนาะที่ ต.บาเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี “จับเป็น” และ “จับตาย” กองกำลังติดอาวุธที่เข้าไปพักพิงได้ และจากหลักฐานที่ยึดได้แสดงให้เห็นว่าอาจมีโรงเรียนสอนศาสนาอีกไม่น้อยที่ยังเป็นเครื่องมือให้บีอาร์เอ็นใช้สร้างอุดมการณ์และฝึกอาวุธ

บีอาร์เอ็นมีความก้าวหน้าในการสร้างมวลชนให้ขยายตัวไปทุกหมู่บ้าน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของหน่วยงานความมั่นคง ที่ไม่กล้าตรวจสอบและตรวจค้น รวมทั้งไม่มีความแม่นยำของงานการข่าว ส่งผลให้บีอาร์เอ็นมีได้เปรียบในเวลานี้

วันนี้ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา มี “มหาอำนาจอเมริกา” แทรกเข้ามาบีบให้รัฐบาลไทยต้องยอมรับเงื่อนไขอย่างหวานอมขมกลืน ซึ่งต่อไปอาจจะเข้ามาแทรกเป็นยาดำต่อ “มาตรการดับไฟใต้” ระหว่างรัฐบาลกับบีอาร์เอ็นด้วยก็เป็นได้

หากมีแนวโน้มเช่นนั้นจริงคือ อันตรายสำหรับปัญหาความขัดแย้งบนแผ่นดินปลายด้ามขวาน ดังนั้นจึงต้องถามดังๆ ว่า วันนี้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดับไฟใต้ไม่ว่าจะรัฐบาลและกองทัพมีการสำเหนียกและมีแผนรับมือไว้แล้วหรือยัง

............................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pages