ขีดเส้น 15 วันต้องได้รับคำตอบ ชาวสวนยางปัตตานีสุดทนถูกกดราคารวมตัวบุกศาลากลาง - ข่าววันนี้

Post Top Ad

Share This

ขีดเส้น 15 วันต้องได้รับคำตอบ ชาวสวนยางปัตตานีสุดทนถูกกดราคารวมตัวบุกศาลากลาง

Share This




เศรษฐกิจ - ชาวสวนยางพาราปัตตานีไม่ทน บุกศาลากลาง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง รมต.พาณิชย์-เกษตร อ้างถูกนายทุนฉวยโอกาสอ้างสหรัฐฯ ปรับภาษี กดราคายางพาราต่ำกว่าตลาด ขีดเส้น 15 วันต้องได้คำตอบ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องต่อไป

18 เมษายน 2568 - ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางระดับจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางทั้งชาวพุทธและมุสลิมในพื้นที่กว่า 40 คน รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปัตตานี เพื่อส่งต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อขอความเป็นธรรมและแก้ไขปัญหาการถูกกลุ่มทุนกดราคารับซื้อยางพาราอย่างไม่เป็นธรรม

กลุ่มเกษตรกรระบุว่า ชาวสวนยางในพื้นที่จังหวัดปัตตานีได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังราคายางพาราในประเทศช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ลดลงต่ำกว่าเดิมประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคายางในแต่ละประเภท ทั้งยางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแผ่นดิบคุณภาพดี น้ำยางสด และยางก้อนถ้วย มีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าราคากลาง และมีท่าทีว่าจะลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุน และเดือดร้อนในด้านต้นทุนการผลิต จนกระทบต่อการดำรงชีพของครอบครัวในวงกว้าง

ชาวสวนยางอ้างว่า กลุ่มนายทุนและบริษัทรับซื้อยางรายใหญ่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษี 37% มากดราคายางลง ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ มาตรการดังกล่าวมีการเลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก 90 วัน และยางพาราที่ซื้อขายในประเทศไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศ ทำให้ชาวสวนรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ และถูกกดราคาด้วยเจตนาแสวงหากำไรของกลุ่มทุน ซึ่งเป็นการย่ำยีชีวิตเกษตรกร

สำหรับราคากลางของยางพาราวันที่ 18 เมษายน 2568 ต่อ 1 กิโลกรัม มีดังนี้:
  • ยางแผ่นรมควันชั้น 3: 65.50 บาท (+3.50 บาทจากวันก่อนหน้า)
  • ยางแผ่นดิบคุณภาพดี: 63.50 บาท (+3.50 บาท)
  • น้ำยางสด: 55.75 บาท (+0.25 บาท)
  • ยางก้อนถ้วย 100%: 53.00 บาท (+1.00 บาท)
  • ยางก้อนถ้วย 70%: 37.10 บาท (+0.70 บาท)
โดยราคาดังกล่าวเป็นราคากลาง แต่ในความเป็นจริง ราคาซื้อขายในพื้นที่ต่ำกว่านี้มาก

ข้อเรียกร้องของเกษตรกรชาวสวนยางพาราในปัตตานี มีดังนี้:
  1. ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ออกประกาศกำหนดราคาซื้อตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ โดยต้องหารือกับการยางแห่งประเทศไทยก่อน
  2. ให้กำหนดให้ผู้รับซื้อยางต้องแจ้งข้อมูลต้นทุน ปริมาณ แผนซื้อ-ขาย-นำเข้า-ส่งออก ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อควบคุมราคายางให้มีเสถียรภาพ
  3. ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจนในการพิจารณาว่าราคายางต่ำหรือสูงเกินควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนของราคา
  4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบบริษัทรับซื้อยางที่จงใจกดราคาหรือทำให้ราคายางปั่นป่วน
  5. ควบคุมการขนย้ายยางพาราบริเวณชายแดน ป้องกันการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ และสวมสิทธิ์เป็นยางภายในประเทศ
  6. ตรวจสอบบัญชีของบริษัทรับซื้อยางพารา ที่มีพฤติกรรมกดราคา บิดเบือนข้อมูลรายรับ-รายจ่าย หรือมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงภาษี
  7. ปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  8. ให้เจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยางฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมสินค้าและบริการ ตรวจสอบบัญชีการรับซื้อยางตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
  9. ขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง (วงเงิน 10,000 ล้าน - 5,000 ล้าน) ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการยางธรรมชาติ (กนย.) และขยายเวลาชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.

กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งตอบภายใน 15 วัน หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องต่อไป

นายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ กล่าวว่า เราถูกนายทุนกดราคาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายนลงมา 10 บาท และวันที่ 9 เมษายนก็ลดลงอีก 5 บาท ซึ่งเป็นการลดราคาที่เกินจริง เพราะตลาดกลางอนุญาตให้ลดราคาได้ไม่เกิน 2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น แต่กลับลดลงถึง 15 บาทภายใน 2 วัน

“วันนี้ยางทั้งประเทศออกวันละแสนตัน ถ้าราคาถูกกดลง 10 บาท เท่ากับว่าเกษตรกรสูญเสียรายได้วันละ 1,000 ล้านบาท ภายใน 8 วัน คือ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้เกิดจากกลุ่มทุนฉวยโอกาสจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย”

ด้านนายอาฮะมะ ฮะยีสะนิ ชาวสวนยางพารา กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้ค่าครองชีพก็ลำบากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งแย่ลง เพราะราคายางต่ำกว่าต้นทุน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือใดๆ อาจทำให้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้น จึงอยากขอให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างจริงจัง

........................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pages