“ทวี สอดส่อง” หนุนความร่วมมือพลิกโฉมสู่ยุติธรรมเพื่อประชาชน - ข่าววันนี้

Post Top Ad

Share This

“ทวี สอดส่อง” หนุนความร่วมมือพลิกโฉมสู่ยุติธรรมเพื่อประชาชน

Share This




ภายในประเทศ - พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรม หนุนความร่วมมือในการบริหารงานยุติธรรม พลิกโฉมสู่ ”ยุติธรรมเพื่อประชาชน”

27 สิงหาคม 2568 - ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวอร์ชั่น กรุงเทพมหานคร เวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมทางวิชาการ เพื่อบริหารและพัฒนากระบวนการยุติธรรม ผ่านกลไกการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2549 โดยมี พ.ต.ท.ดร.พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม และ คณะผู้บริหารสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ

พ.ต.อ.ทวีได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อความร่วมมือในการบริหารงานเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน โดยเน้นย้ำความสำคัญของหลักนิติธรรมและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานว่า คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็นหลักประกันสูงสุดของการบริหารงานยุติธรรม โดยเฉพาะ มาตรา 3 มาตรา 26 และมาตรา 68 ที่กำหนดให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยต้องไม่เลือกปฏิบัติ เพิ่มภาระ หรือจำกัดสิทธิเกินสมควรแก่เหตุ รวมถึงต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็วและไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไป นอกจากนี้ยังต้องมีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างอิสระปราศจากการแทรกแซงใดๆ

“จากความมุ่งมั่นในการยึดถือหลักการดังกล่าว ส่งผลให้ค่าชี้วัดด้านนิติธรรมของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น Rule of Law Index ขยับขึ้นจากอันดับ 82 มาอยู่ที่ 78 การเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน ดีขึ้นจากอันดับ 64 มาเป็น 58 และกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในด้าน Due Process of Law ซึ่งเป็นการประกันสิทธิผู้ต้องขัง มีคะแนนเพิ่มขึ้นจาก 42 เป็น 43 คะแนน"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติและแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรมคือ เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมเกิดขึ้นจริง โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ 1.ลดความเหลื่อมล้ำ: ทำให้ผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม 2.ลดความล่าช้า: ปรับปรุงขั้นตอนให้รวดเร็วและไม่ซับซ้อน 3.อำนวยความสะดวก: ให้ประชาชนสามารถร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือได้ง่าย 4.ลดภาระค่าใช้จ่าย: ใช้ระบบดิจิทัลเพื่อลดต้นทุนของทั้งภาครัฐและประชาชน และ 5.สร้างความเป็นธรรม: ทำให้กระบวนการมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่เลือกปฏิบัติ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ จะทำหน้าที่เป็น “ตัวเร่ง” สำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื้อรังของระบบยุติธรรม ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความก้าวหน้า แต่ระบบยุติธรรมยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ต้องขังที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์: ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2568 มีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาซึ่งรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สูงถึง 89,276 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 28.84 ปัญหาหนี้สิน: มีคดีเข้าสู่การบังคับคดีและคดีล้มละลายจำนวนมหาศาล คิดเป็นมูลค่าหนี้รวมกว่า 18 ล้านล้านบาท ปัญหายาเสพติด: พบว่าผู้กระทำผิดคดียาเสพติดส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 78.29 มีการศึกษาต่ำกว่าขั้นพื้นฐาน และอาชญากรรมออนไลน์: มีปริมาณคดีเกี่ยวกับทรัพย์และบัญชีม้าสูงถึง 46,512 ราย หรือประมาณร้อยละ 15 ของคดีอาชญากรรมทั้งหมด

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ว่าจะมีแผนงานหรือนโยบายที่ดีเพียงใด หากขาดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนก็ไม่อาจบรรลุผลได้ ความยุติธรรมจึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งระบบ ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ศาล กรมราชทัณฑ์ หน่วยงานท้องถิ่น ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชน

..........................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pages