
๐ ชายแดนใต้ - สว.สงขลา โฆษกกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา จี้แม่ทัพภาคที่ 4 เร่งปรับงานการข่าว ซีลชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลก และการจับกุมแนวร่วมในพื้นที่เพื่อหยุดการก่อการร้ายจากบีอาร์เอ็น
7 ตุลาคม 2568 - นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว.สงขลา ในฐานะโฆษกและเลขานุการคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงการปล้นร้านทองเยาวราช ที่ตั้งอยู่ในห้างบิ๊กซีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยกองกำลังติดอาวุธของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ว่า จากการสืบสวน คนร้ายส่วนหนึ่งข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลกมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยประสานงานกับคนร้ายที่เป็นกองกำลังติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ของ จ.นราธิวาส ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธกระจายในพื้นที่เชิงเขาไม่ต่ำกว่า 50 คน โดยมีแนวร่วมในหมู่บ้าน ในชุมชนเมือง ซึ่งมีการจัดตั้งหมู่บ้านละ 6 คน เป็นสายลับในการรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ และรวมวางแผนในการเข้าปล้นร้านทองครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่บีอาร์เอ็นประกาศว่าจะทำลายเศรษฐกิจของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายไชยยงค์กล่าวว่า มีการวางแผนล่วงหน้าในการกำหนดพื้นที่การเข้าไปปล้นรถยนต์กระบะ 2 คัน ใน ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 10 กว่ากิโลเมตร มีการกำหนดเส้นทางหลบหนีหลังการปล้นไปยังช่องกายูคละ อ.แว้ง ซึ่งห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร และกำหนดจุดวางระเบิดแสวงเครื่อง 2 จุด เพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่
ทุกอย่างเป็นการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ใช้เวลากว่า 10 วัน โดยกำหนดการปล้นในต้นเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงการเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ของ พล.ต. นรธิป โพยนอก ซึ่งย้ายมาจากรองแม่ทัพภาคที่ 2
“จุดอ่อนของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คือเรื่องของการข่าวที่ไม่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของแนวร่วมทั้งในพื้นที่ และกองกำลังติดอาวุธทั้งที่เคลื่อนไหวในพื้นที่และที่ข้ามมาจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประเด็นนี้คือจุดอ่อนที่ทำให้การป้องกันเหตุของแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ต้องมีการปรับปรุงงานการข่าวให้เข้าถึงแหล่งข่าวของบีอาร์เอ็น และงบการข่าวหลายสิบล้านบาทของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต้องไม่กระจุกตัวอยู่ที่ ผบ.พัน และ ผบ.พล. ต้องกระจายไปยังเจ้าหน้าที่การข่าวในพื้นที่” นายไชยยงค์กล่าว
กมธ.การทหาร วุฒิสภา กล่าวว่า และต้องมีการซีลแนวชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลก ตั้งแต่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง ซึ่งเป็นจุดอ่อน เป็นเส้นทางทั้งในการเข้าออกก่อเหตุและการหลบหนีหลังการก่อเหตุ จะต้องเพิ่มจุดตรวจ หรือทำรั้วถาวรเพิ่มขึ้น ก็ต้องทำ เพื่อเป็นการสกัดจุดอ่อนของการป้องกันมิให้มีการก่อเหตุ
และกำลังของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่รับผิดชอบในพื้นที่ของแต่ละอำเภอแต่ละจังหวัด ต้องสืบค้นและจับกุมบรรดาแนวร่วมที่มีการจัดตั้งโดยบีอาร์เอ็นในทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะหมู่บ้านเข้มแข็ง หมู่บ้านละ 6 คน รับผิดชอบงาน 6 ฝ่าย ในการประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธที่มีความพร้อมในการก่อเหตุต่อเป้าหมายที่ต้องการ ถ้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่สามารถกำจัดจุดอ่อนที่เกิดขึ้นให้ได้ผล ก็จะไม่สามารถดับไฟใต้ที่ลุกโชนมา 21 ปี อย่างแน่นอน
“จุดอ่อนของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คือเรื่องของการข่าวที่ไม่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของแนวร่วมทั้งในพื้นที่ และกองกำลังติดอาวุธทั้งที่เคลื่อนไหวในพื้นที่และที่ข้ามมาจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประเด็นนี้คือจุดอ่อนที่ทำให้การป้องกันเหตุของแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ต้องมีการปรับปรุงงานการข่าวให้เข้าถึงแหล่งข่าวของบีอาร์เอ็น และงบการข่าวหลายสิบล้านบาทของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต้องไม่กระจุกตัวอยู่ที่ ผบ.พัน และ ผบ.พล. ต้องกระจายไปยังเจ้าหน้าที่การข่าวในพื้นที่” นายไชยยงค์กล่าว
กมธ.การทหาร วุฒิสภา กล่าวว่า และต้องมีการซีลแนวชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลก ตั้งแต่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง ซึ่งเป็นจุดอ่อน เป็นเส้นทางทั้งในการเข้าออกก่อเหตุและการหลบหนีหลังการก่อเหตุ จะต้องเพิ่มจุดตรวจ หรือทำรั้วถาวรเพิ่มขึ้น ก็ต้องทำ เพื่อเป็นการสกัดจุดอ่อนของการป้องกันมิให้มีการก่อเหตุ
และกำลังของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่รับผิดชอบในพื้นที่ของแต่ละอำเภอแต่ละจังหวัด ต้องสืบค้นและจับกุมบรรดาแนวร่วมที่มีการจัดตั้งโดยบีอาร์เอ็นในทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะหมู่บ้านเข้มแข็ง หมู่บ้านละ 6 คน รับผิดชอบงาน 6 ฝ่าย ในการประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธที่มีความพร้อมในการก่อเหตุต่อเป้าหมายที่ต้องการ ถ้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่สามารถกำจัดจุดอ่อนที่เกิดขึ้นให้ได้ผล ก็จะไม่สามารถดับไฟใต้ที่ลุกโชนมา 21 ปี อย่างแน่นอน
......................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น